วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

[หนัง] ฉัน ฉัน


หรือ Ore Ore หรือ It's me, It's me เป็นหนังตลกสัญชาติยุ่นเมื่อปีก่อน

เข้าไทยหรือเปล่าไม่รู้
ตอนแรกดูเรทติ้งในimdbละได้น้อยมาก

แต่เราว่ามันสนุกนะ
ภาพแบบญี่ปุ่นๆ ฉากงามๆ

เนื้อเรื่องกวนตีนๆ มึนๆ แล้วค่อยๆเฉลยไป ถึงจะมึนๆไปหน่อย
แต่ดูแล้วรู้สึกสนุกดี

ไม่แน่ใจว่ามันจะสอนอะไรมั้ย
แต่ดูแล้ว

[สปอยล์]

เหมือนเป็นบทลงโทษของคนที่ทำชั่วไม่ขึ้น
พระเอกหลอกเงินจากแม่ผู้ชายคนนึง โดยสวมรอยเป็นผู้ชายคนนั้นทางโทรศัพท์
พวก "โทรศัพท์หลอกลวง" ประมาณนั้น

ตอนแรกขอ ล้านเยน คิดไปคิดมาลดได้ 900000 เยน

จากนั้นความวุ่นวายในชีวิตก็เริ่มต้นขึ้น
ตั้งแต่แม่ของที่หลอกกลายมาเป็นแม่เขาจริงๆ

แม่เขาก็ดันมีลูกอีกคนหนึ่ง ที่หน้าเหมือนเขาทุกอย่าง
แล้วก็เจออีกคนที่หน้าเหมือนเขาทุกอย่างอีกคน
ท่าทาง การพูดก็เหมือน (ดูแล้วมันน่ารักบอกไม่ถูก 55555)


ตอนแรกชีวิตเฮฮา หนุกหนาน
ไปๆมาๆ คนหน้าเหมือนเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ
แล้วก็มีคนหน้าเหมือนที่ถูกฆ่าเยอะขึ้นเรื่อยๆ
เรียกว่าเป็นการ"ถูกลบ"
จนพระเอกเริ่มสติแตก อ้าว กูเป็นใครวะ ตกลงกูตายไปหรือยัง หรือยังไง
มีเจ๊สาวสวยมาเตือนสติชี้แนะ
แต่แล้วเจ๊ก็กลายเป็นพระเอกไปด้วยอีกคน กรี๊ดดดดดด (โคตรสปอยล์ - เราจะฝันร้ายมั้ยนะ)

เรื่องจบแบบที่ทุกคนเดาได้แหล่ะมั้ง แต่เฉลยปมไม่หมด บ้าจริง
แต่การดำเนินเรื่องโอเค ถึงจะนอกหลักเหตุผล และเล่นมุขให้ชีวิตงงก็เถอะ



มาพูดถึงตัวละครที่เจอเยอะที่สุดหน่อย
ฮิโตชิ นากาโนะ (คนขวา)
พระเอกเป็นคนที่ทำอะไรครึ่งๆกลางๆกล้าๆกลัวๆ
เดิมเป็นช่างภาพมืออาชีพ
แต่ไม่รู้ทำไมไปจบแค่พนง.ขายกล้อง
สุดท้ายพอจะตัดสินใจ ชีวิตก็เจอดอปเปลแกงเกอร์ทั่วเมือง โคตรซวย



-------------------------------------------------------------------------------------------------

เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย สารภาพตามตรงว่าตามดูเพราะนักแสดง (...)
แต่ได้อะไรดีๆ เช่นเรื่องแก้ปัญหา เรื่องการจมกับชีวิตประจำวันจนลืมเป้าหมาย

ไม่ได้ดูหนังยุ่นมานานแล้ว like fatherฯ ยังไม่ได้ดูเลย โฮรล อยากดู
เหมือนดูการ์ตูนหน่อยๆแฮะ ทั้งการเล่นมุข จังหวะมุข ท่าทางนักแสดง
หรือเพราะเราชินกับทางตะวันตกมากกว่าก็ไม่รู้
แต่ก็ดูได้ลื่น ไม่ได้แข็งอะไร

เอาเป็นว่าถ้าอยากหาเรื่องอะไรดูเครียดนิดๆขำหน่อยๆก็แนะนำค่ะ..
ถ้าเจอแผ่นจริงก็อยากจะสอยค่ะ...

ป.ล.
ชอบประโยคนึง ไม่ใช่แกนเรื่อง(?)เท่าไหร่อ่ะนะ ...


"บนโลกนี้มีคนทำงานอยู่สองประเภท คือ ประเภทที่อยากลาออก และประเภทที่ไม่อยากลาออกจากงาน"

-เจ๊ซายากะได้กล่าวไว้

มันดูพูดง่ายนะ
แต่ชีวิตเราก็ไม่ได้มีทางเลือก หรือเรามีทางเลือก แต่เราไม่ค่อยกล้าเลือก

...ก็ขอปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตก่อนละกัน





วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

[อนิเม] ช่วงเวลาของอีฟ

Eve no jikan
อนิเมสั้นๆหกตอนจบ
เรื่องเล่าของมนุษย์กับแอนดรอยด์

...จะว่าไงดี ไม่ได้ดูอนิเมแนว feel good มาสักพักแล้วมั้ง
อยู่ๆก็ไปสุ่มจากลิสต์แล้วก็มานั่งดู
ที่เอามาพิมพ์เพราะรู้สึกว่ามันคุ้มค่าเวลาดู
อนิเมแบบไม่เสพตัวละคร ไม่เสพความน่ารักมุ้งมิ้ง แต่เป็นเพียงเรื่องเล่าง่ายๆ



คนในเรื่องเกี่ยวพันกันด้วยร้านกาแฟ

ความพิเศษคือร้านกาแฟนี่มีกฎว่าห้ามแบ่งแยกคนกับแอนดรอยด์





ชอบเพลงเนิบๆประกอบเรื่อง
ชอบภาพ ที่เหมือนจะดูแข็งๆไปนิดนึง แต่ก็สวยดี
มุมกล้องทำกึ่งหนัง แบบอาร์ทๆ ให้ความรู้สึกอินไปกับเรื่องอีกแบบ





มีมุขไร้สาระแทรกเป็นระยะๆ แป้กมั่งฮามั่ง


เรื่องนี้คงไม่ต่างกับเรื่องอื่นๆที่จุดประเด็นให้เราคิดว่าคนกับแอนดรอยด์จะอยู่ร่วมกันได้จริงเหรอ

ความรู้สึกหรือสิ่งที่แสดงออกต่างๆคืออะไร

ความรักคืออะไร การใช้ชีวิตคืออะไร



ไม่รู้สิ...มันเป็นเรื่องที่ดูแล้วหอมกลิ่นกาแฟอย่างบอกไม่ถูกแฮะ..

ดำเนินเรื่องสั้นๆเหมือนเวลาเข้าไปนั่งอยู่ร้านกาแฟ
แต่ว่ามีเรื่องราวของคนในนั้นอัดแน่นอยู่มากมาย
...พอออกมามันก็จบ กลิ่นกาแฟกับเรื่องไม่ได้ตามออกมา
แต่มันเป็นความรู้สึกดีๆ ที่ทำให้รู้สึกอยากกลับเข้าไปอีก

ประมาณนั้นละมั้ง


ป.ล.ถ้ามีภาคต่อก็น่าจะดีสิน้า..

วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557

[หนัง] ชายขอบของวันพรุ่งนี้

หรือจริงๆคือ

Edge of tomorrow



รีวิวแบบขี้เกียจๆ

- ไม่รู้ทำไมแต่รู้สึกตลกบ่อยมาก ทั้งที่ไม่ใช่หนังตลก
- ตอนแรกทำเอากลัว นึกว่าจะสยองขวัญ เละ ทั้งเรื่อง
- ความประทับใจ (ในแง่ลบ) แรก คือนางเอกกากมาก ที่เคยอ่านในการ์ตูนเทพแบบสุดๆไปเลย
- เป็นหนังที่เรียกได้ว่า สนุก แต่ไม่เทพอย่างที่คาดหวัง ( ฉันหวังอัลไล... )
- ทอมครูซหน้าเด็กมาก ตอนเล่นบทเป็นคุณลุงใสๆก็ตลกดี
- นางเอกก็โหดดี ตั้งใจทำเพื่อชาติดี น่าเอาไปฉายฟรีแท----
- ไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลที่อยู่ๆพระเอกโดนโยนไปในกองทัพ
- ชอบการนำเสนอเรื่องที่ต้องย้อนซ้ำๆ ไม่ได้น่าเบื่อแต่อย่างใด ...มันเลยฮาดีมั้ง
- ปมดราม่าก็ใช้ได้ อธิบายลักษณะนิสัยตัวละคร มันรู้สึกเศร้าแบบลึกล้ำ...
- แอคชั่นก็สนุกดี แต่นางเอกโกงมีดาบคนเดียว 5555 ก็เข้าใจว่าหนังคงอธิบายละเอียดไม่ได้เท่าไหร่

จำอะไรไม่ค่อยได้แล้วแฮะ แต่เป็นหนังแอคชั่นไซไฟเรื่องที่ชอบเรื่องนึง ปกติไม่ชอบดูแนวนี้ 5555
ถ้าแผ่นออกก็น่าดูอยู่นะ




คราวหน้าจะต้องรีวิวเจ๊มาลีให้ได้...
เจอกันเอนทรี่หน้า :3



วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557

[หนัง] คุณหมอแพทซ์ อดัม



     หนังเรื่องนี้เป็นหนังคนที่...

อยากเป็นหมอ 

กำลังเรียนหมอ 

จบหมอแล้ว 

หรือไม่ใช่หมอ 

..ก็น่าดู


(หนังเก่า 1998 อีกแล้วค่ะ)


            ตั้งแต่เริ่มเรื่อง.... อดัมเป็นคนธรรมดาที่เข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลโรคประสาทเพราะพยายามฆ่าตัวตาย แต่ค้นพบความสนุกในการคุยกับคนไข้คนอื่น รับฟังปัญหาของพวกเขา เขาพบสิ่งที่อยากทำที่สุดในชีวิตแล้ว นั่นคือการช่วยเหลือคนอื่น

             ภาพตัดมาที่สองปีถัดมา อดัมเป็นนศพ.ปี 2 ที่แหกทุกกฏ เนียนเข้าไปคุยกับคนไข้ในรพ. เล่นด้วย สร้างความสนุกสนานเฮฮา และวุ่นวาย จนโดนคณบดี(มั้ง) เขม่นอยู่บ่อยๆ ช่วงแรกๆเขาก็รอดตัวไปได้ เพราะเขาคือหนึ่งในนศพ.ที่คะแนนสูงสุด !! (จะเกรียนต้องเก่งด้วยนะจ้ะ) แต่เมื่อความวุ่นวายทวีคูณ เพื่อนบางคนก็ใส่ร้าย บางคนก็ตีตัวออกห่าง ด้วยคำพูดว่า

"ฉันมาเรียนแพทย์ เพื่อจะเป็นแพทย์ที่ รักษาพวกเขาให้หาย ไม่ได้ต้องการมาเป็นตัวตลกให้คนไข้"

อดัมก็จะเถียงกลับประมาณ
"แล้วทำไมพวกเราต้องรักษาแต่โรค แค่ยืดวันตายคนไข้เหรอ หน้าที่ของแพทย์ควรจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตสิ ทำให้พวกเขามีความสุขด้วยสิ"

              เรื่องนี้คงไม่เล่ายาว เพราะความสนุกของเรื่องอยู่ที่ความบ้าของตัวเอก ที่ไม่แคร์กฏและทำทุกอย่างได้เพื่อคนไข้ แพทซ์ใส่เสื้อเชิ้ตสีสันฉูดฉาดอยู่เสมอ เอาของในร.พ.มาเล่น เล่าเรื่องตลก และเฟรนด์ลี่ระดับเทพ จนทำให้คนไข้หลายๆคนเปิดใจให้เขา แม้แต่คนไข้ที่ก้าวร้าวและปิดใจที่สุด ก็ถูกแพทซ์ทลายกำแพงได้ด้วยความพยายาม แต่ก็มีหักมุมบางอย่างที่ทำให้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่าชีวิตหมอบ้าบอคนนึง แสดงให้เห็นว่าแพทซ์ก็มีมุมเครียด เศร้าเหมือนคนทั่วไป

              ช่วงที่ดูแล้วชวนคิดที่สุดคือในห้องประชุมที่จะตัดสิทธ์การเรียนต่อของแพทซ์ อันนั้นจะแสดงแนวคิดออกมาชัดที่สุด แพทซ์อาจจะเป็นเหมือนหมอหน้าใหม่ ที่แรกๆก็ไฟแรง ปฏิบัติกับคนไข้อย่างดี ทุ่มเทชีวิตให้ มีปฏิสัมพันธ์ มีอารมณ์ความรู้สึกร่วมกัน ซึ่งตามจรรยาบรรณแพทย์มักจะไม่ให้สนิทกับคนไข้เกินควร ในเรื่องเคร่งเรื่องระยะระหว่างคนไข้-หมอ แบบมากๆ จนบางทีแพทย์ก็ลืมปฏิบัติกับคนไข้ในฐานะมนุษย์ไปหรือเปล่า ?



                ในเรื่องจะทำให้เราตั้งคำถามกับนิยามแพทย์อยู่เรื่อยๆ ตกลงแล้วแพทย์ต้องปฏิบัติตัวเองยังไงกันแน่ ตั้งใจเรียนอย่างเดียวมันคงไม่ใช่หรอก แล้วการทุ่มเทแบบแพทซ์ขนาดนี้ล่ะ ความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือคนอื่นใช่มั้ย คือเหตุผลที่ทำคนเรียนแพทย์อยากเป็นแพทย์  หรือเพราะเงิน ? เพราะเกียรติ ?

                 ......สุดท้ายเราว่าแพทซ์ไม่ใช่คำตอบของการเป็นแพทย์ซะทีเดียว อุดมการณ์และการทำอุดมการณ์สำเร็จของเขาเป็นเรื่องที่ดี น่ายกย่อง (สุดท้ายก็มี Gesundheit! Institute ได้จริงๆ เจ๋งมาก) แต่การจะให้ลุกขึ้นมาทำแบบเขานั้นคงเป็นไม่ได้แน่ ....แต่ละคนคงมีวิธีการ มีเส้นทางที่ต่างออกไป สิ่งที่จะได้จากเขาก็คงเป็นแรงผลักดัน ที่ทำให้เชื่อว่าการช่วยเหลือคนอื่นนั้นมันมีคุณค่า แม้ผลตอบแทนมันจะมีน้อย หรือไม่มี หรือได้รับอะไรแย่ๆกลับมาแทน แต่ถ้าทำให้สิ่งที่ตัวเองเชื่อว่าดี อย่างน้อยๆเราก็จะไม่เสียใจภายหลังแน่ๆเมื่อหันกลับมามองย้อนดู :)


                   สรุปแล้ว ก็ไม่ใช่หนังสนุกมากมายอะไร ดูเรื่อยๆ มีสุข มีเศร้า เราว่าเป็นหนังที่ดูแล้วได้แรงบันดาลในการคุยกับมนุษย์คนอื่นดี การสื่อสารกับคนอื่นไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น แค่เรื่องเล็กๆน้อยก็ทำให้คนอื่นรู้สึกดีได้ ได้ทบทวนและถามตัวเองถึงอาชีพแพทย์ คิดว่าถ้าขาดแรงบันดาลใจเมื่อไหร่ คว้ามาดูอีกรอบก็คงได้อะไรดีๆ....กลับไปสู้กับโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง  
             



คงจะเจอกันเอนทรี่หน้า

...หลังจากนี้กะว่าจะขุดแต่หนังเก่าๆมาดู 
หลังจากระเบิดมวลมหาดีวีดีที่บ้านออกมา 55555


ป.ล.เอ้อะ โรบิน วิลเลี่ยมอีกแล้วววววววว

วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557

[หนัง] กึ้ดเติงวิทยา


มีคนบอกว่า หนังเหงาๆต้องไปดูคนเดียว (ใคร?)
ก็เลยไปลองดูหนังคนเดียวเป็นครั้งแรกซะเลย (จริงๆคือเพื่อนดูกันหมดแล้ว ๕๕๕) 
...ได้เปลี่ยนอารมณ์ดีเหมือนกัน

เอ้อ เข้าเรื่องๆ....





...เคยถูกส่งไปที่กันดารๆ ลำบากๆ แล้วต้องเอาชีวิตรอดให้ได้หรือเปล่า ?



                                                 ...เคยต้องห่างจากคนที่รัก จนเกิดรอยร้าวระหว่างความสัมพันธ์หรือเปล่า


....เคยอ่านไดอารี่ของคนอื่นมั้ย ?



                                                                                          ....เคยคิดถึงคนที่ไม่เคยเห็นหน้าบ้างหรือไม่ ?


 
      ......ทั้งหมดนี้น่าจะพออธิบายเรื่องได้คร่าวๆ ถึงในวิกิจะบอกว่าเป็นแนวโรแมนติกก็เถอะ ยังไงก็คือหนังรักสไตล์ GTH อยู่ดี คือฮาๆขำๆ ไม่ได้โฟกัสที่รักมันซะทั้งหมด แต่คิดว่ามันแอบยาวไปหน่อย ทำให้เกือบหลุดคำว่าสนุก .........แต่โดยสรุป (เลิกให้คะแนนละ รู้สึกยังดูหนังไม่เยอะพอจะให้คะแนน ._.) เราชอบนะ เป็นหนังที่น่าดูเรื่องหนึ่ง
       ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเป็นคนชอบเขียนไดอารี่มั้ง รู้สึกว่าไดอารี่ของครูแอน (พลอย) มันสมจริงและได้อารมณ์ดี ที่มีเปลี่ยนฟอนต์การเขียน เปลี่ยนปากกาที่ใช้  โมเม้นท์ที่น่าสนุกก็จดๆเก็บไว้ เขียนสั้นๆตามอารมณ์ แต่ทำให้รู้สึกว่า ครูสอง(บี้)ช่างมโนมาก แต่เอาเถอะ ด้วยสภาพแวดล้อมที่ไร้สัญญาณโทรศัพท์ ไร้สิ่งอื่นๆให้ทำ การมโนก็อยู่ในระดับรับได้ (ฮา)
        ...เราคิดว่าเสน่ห์ของเรื่องนี้คงจะเป็นการใช้สถานที่ร่วมกันของคนสองคนในเวลาที่ต่างกัน และมีการสื่อสารทางเดียวคือ ไดอารี่เล่มนึง เรื่องการทำตามอุดมการณ์ที่อยู่สอนเด็กในที่ๆไม่มีใครอยากสอน แต่ด้วยความเก่งและตั้งใจของครูแอน ความซื่อและจริงใจของครูสอง ก็สะท้อนวิธีการเป็นครูที่แตกต่างกัน และค่อนข้างชอบที่เรียนวิทย์เรื่องแรงลอยตัวโดยให้เด็กไปอยู่ในสระกันจริงๆ (//แทรกนิด//จริงๆแล้วใช้แค่จุ่มของก็พอมั้ง ...ถึงครูแอนก็ดูเป็นคนสุดโต่งอยู่แล้ว คุณแฟนกลับไม่แนะนำวิธีแก้ปัญหาที่ฉลาดๆ ซึ่งมีร้อยแปดพันเก้า ตรงๆคือดูโง่กันไปหน่อย ....แต่ เออ เลิกกันแหล่ะดีแล้ว ๕๕๕๕) มันเหมือนแซะวิธีการเรียนการสอนสมัยนี้อยู่หน่อยๆ  เรียนอะไรท่องกันไปวันๆน่ะ หัดมีของจริงให้ดูบ้างอะไรบ้างสิคระ อะไรอย่างนั้น


      ก็คงจะประมาณนี้ละมั้ง ภาพก็ดูสวยดี พลอยสวยดี เอ้ย ทั้งหมดแอคติ้งก็ดีนะ เด็กๆก็สมจริงกันดี ชอบแสงพระอาทิตย์ตอนเย็นๆ ชอบบรรยากาศที่ต้องจุดตะเกียง ทำให้อยากลองไปลอยแพตัวเองบ้าง (ฮา) แต่แค่วันเดียวก็พอละ คุณภาพเสียงก็มาตรฐาน




.....คงจะต้องขอยืมคำพูดเพื่อนมา

"ถ้าชอบหนังละมุนๆ ก็ถือเป็นหนังที่สนุกดีเรื่องนึง"

(ขอแอบเติม สำหรับคนที่มีใครสักคนให้คิดถึงน่ะนะ...)





เจอกันเอนทรี่หน้า
                



========================================================================

.......ชักจะขี้เกียจเขียนเป็นแพทเทิร์นล่ะ ยังไงมันก็เป็นบล็อกเงียบๆอยู่แล้ว ขอเปลี่ยนแนวมันดื้อๆอย่างงี้เลยละกัน รู้สึกเหมือนพิมพ์คุยกับตัวเอง lol
........ทำไมมายโบรมีคนมาดูเยอะจังฟะคะ ฟฟฟฟฟ
........บล็อกกว้างไม่สะใจเลยสิ จิ๊

วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2557

[หนัง] ฝันอัลไลจะมาถึง

What dream may come  (1998)




เรื่องราวของชายคนนึง คริส เนลสัน
เขาพบรักกับสาวนักวาดภาพ แอนนี่คอลลิน
เวลาล่วงเลยจนทั้งสองมีลูก มีบ้านน่ารักๆหลังหนึ่ง
ที่ชีวิตดำเนินไปตามปรกติ มีเรื่องขัดแย้งบ้างตามธรรมดา


.....ลูกชายลูกสาวเดินทางไปโรงเรียนเหมือนทุกวัน

ทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปเหมือนทุกวัน....

แต่ลูกทั้งสองก็ประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตทั้งคู่

พ่อแม่ที่เสียลูกไปย่อมใจสลายเป็นธรรมดา

เพียงแต่ว่าคนหนึ่งเลือกจะทำตัวให้เข้มแข็งและมีชีวิตต่อไป
ในขณะที่อีกคนหนึ่งดำดิ่งลงสู่ความเศร้าและรู้สึกผิด

ถึงอย่างนั้นเวลาก็ช่วยเยียวยาทั้งคู่
จนเหมือนจะใช้ชีวิตได้ตามปกติ 
แต่ชีวิตก็ไม่ราบรื่น...
เมื่อผู้เป็นสามีตัดสินใจลงไปช่วยคนที่โดนรถชน ...จนตายเสียเอง (...)


....หลังจากที่เขาพบว่าตัวเองตาย หลังตัดใจจากสุดที่รักของเขาอย่างยากลำบาก
เขาก็เดินทางไปสู่ดินแดนหลังความตาย
และรอคนที่เขารักที่สุด ให้ถึงวันที่เธอจะตามมาด้วยกัน

แต่ว่าการจากไปของคริสทำให้จิตใจแอนนี่พังทลาย
ถึงเธอจะพยายามทำตามที่จิตแพทย์บอก
แต่เธอก็ใกล้จะถูกส่งไปโรงพยาบาลบ้าอีกครั้ง

แอนนี่จึง ฆ่าตัวตาย เพื่อที่จะจบความทรมานนี้ลง


แต่แอนนี่ไม่ได้มาอยู่ที่ดินแดนเดียวกับคริส เพราะการฆ่าตัวตาย
ใช่ว่าเธอจะตกนรก แต่เธอจะต้องจมอยู่ในความเศร้าโศกและอ้างว้างไปตลอดกาล

คริสผู้มีแอนนี่เป็นรักแท้จึงตัดสินตามหาเธอ ไม่ว่าจะต้องผ่านนรก หรืออะไรก็ตาม....


         ก็คิดว่าเป็นหนังที่เนื้อเรื่องดูเป็นพระพุทธศาสนาผิดคาด... ถึงนรกจะเป็นคนละนรกก็เถอะ(ดูทรมานไม่เท่าของไทย แต่สยอง..) คนชั่วก็มีนรกตายๆให้ลงต่างกันไป คนที่ได้ขึ้นสวรรค์ก็มีดินแดนอันกว้างใหญ่สวยงาม (สวยจริงๆ อยากดูในโรงจัง...)และสุขสบายของตัวเอง  ถือเป็นคอนเซปต์ของเรื่องนี้เลย เรื่องก็ดำเนินไปโดยมีคริสที่ดูจะร่าเริง มองโลกในแง่บวก และยึดมั่นในรักแท้ จนบรรลุเป้าหมายของตัวเองได้
         สุดท้าย เรื่องจะบอกว่าคริสอาจจะไม่ใช่คนที่เข้มแข็งอย่างที่คนดูจะเข้าใจมาทั้งเรื่อง อาจจะมีหลอกตัวเองให้เข้มแข็งบ้าง อาจจะทิ้งเรื่องราวไปข้างหลังบ้าง และผลักความกดดัน ความรู้สึกผิดให้แอนนี่แบกรับ จนแอนนี่กลายเป็นคนซึมเศร้า มีอาการทางจิต และจบชีวิตในทางที่ไม่ควร แต่แล้วเขาก็ไม่ได้ทอดทิ้งรักแท้ของเขา ไม่ว่าจะต้องผ่านไปอีกกี่โลก(ชาติ)....

         ความเจ๋งอย่างแรกของเรื่องนี้ คือ คุณภาพCGในปี 1998 (ก็ได้รางวัล Best visual effect อ่ะนะ) ดูแล้วยังสวยอยู่เลย ถึงฉากอะคริลิคจะไหลๆไปหน่อย แต่ก็ดูเหมือนเดินในสีดี ดูแล้วอยากเอาหัวจุ่มทีวีมากๆ (ฮา)       สรุปคือปลื้มภาพมากกกก บ้านในฝันก็น่าอยู่สุดๆ แต่มันเหมือนจะต้องการโชว์ภาพโหดๆไปหน่อย เรื่องก็เลยเอื่อยๆ กว่าจะได้ไปหาเมียก็นานอยู่..... อ้อ มีลูกเล่นตรงเนื้อเรื่องนิดหน่อย คือตัวละครที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่สุดท้ายก็ค่อยๆเฉลยว่าเป็นคนใกล้ตัวนี่เอง

          การแสดงก็ดีอยู่แล้วแหล่ะ ดราม่าดี ที่เซ็งคือแผ่นที่ซื้อมาดันมีแต่พากย์ไทย เสียงเดิมๆ ก็ไม่แย่นะ แต่อยากได้ซาวแทรกซ์มากกว่า ._. 

          ...สรุปแล้วขอจัดเข้าหมวดหนังดีให้ข้อคิดละกัน เนื้อเรื่องไม่หนุกเวอร์ๆ แต่เป็นแฟนตาซีที่ดูเพลินๆ ก็ถ้ารู้สึกอยากดูอะไรดราม่านิดๆ ภาพอลังๆ มีเวลาว่างๆ ก็คงหยิบมาดูซ้ำได้แหล่ะ
          


ป.ล. เพลงเพราะดี (Beside you - Simply Red) https://www.youtube.com/watch?v=IfNgm3_hzLk

We follow the river down into the stream
That's where my dream began
I left my worries to the people who stare
And dreamed without a care

 That (yes) I'd always be beside you
To watch the day and night
And we listen to the sunrise
And feel it's growing light
And peace will come inside so quiet

Wherever we're going, I don't know
For a million years our love keeps growing
The mystery deepens, day by day
But trust my love, and hear me say

Peace will come inside so quiet

And peace will come inside....so quiet






วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2557

[ซีรีย์] ดำกำพร้า

หรือ Orphan Black (คิดไทยที่ดีกว่านี้ให้ไม่ออก)



แนวเรื่อง(ตามความเห็นส่วนตัว) : ซับซ้อน,เลือด,แอคชั่น,ไซไฟ,เด็กกำพร้า,คุณแม่บ้านจิต,นักวิทยาศาสตร์หมกมุ่น,หัวโล้นบ้าลัทธิ,นางเอก(จำนวน)เยอะจัง
จำนวนที่ดู : 10 episodes
ภาษา : อังกฤษ
สาเหตุ : เพื่อนแนะนำ


เนื้อเรื่อง 
      สาวพังค์หน้าตากวนตีน ซาราห์ แมนนิ่ง ชีวิตไม่ค่อยดี เธอหนีมาจากแฟนเถื่อน แล้วก็เจอผู้หญิงสาวที่เหมือนสาวออฟฟิศ วางเสื้อโค้ท วางกระเป๋า เธอหันมามองหน้าซาราห์แว่บหนึ่ง แล้วเธอก็ จั๊มป์ ! ไปหน้ารถไฟ จึงโดนทับตายสนิททันที ที่น่าตกใจพอๆกันคือนางที่กระโดดลงไปเมื่อกี๊ หน้าเหมือนซาราห์เป๊ะ !! หลังจากต่อสู้กับจิตใจตัวเองสักพัก ซาราห์ก็ตัดสินใจขโมยกระเป๋าของเธอที่จั๊มป์เมื่อครู่ พอตรวจดูบัตร ดูรายละเอียดต่างๆ ซาราห์ที่แกลบอยู่ก็ปล้นเงิน และตัดสินใจสวมรอยเป็น "เบธ ไชลด์" ซะเลย เย่ รวยแน่ 
      ซาราห์ปรึกษาเพื่อนเกย์คนสำคัญ เฟลิกซ์ ซึ่งอุตส่าห์เตือนแล้ว แต่คนอย่างซาราห์ฟังใครซะที่ไหนกัน ให้เฟลิกซ์ไปยืนยันศพเบธว่าเป็นศพเธอ ซาราห์เนียนเป็นเบธไปได้สักพัก โทรศัพท์ทั้งสองเครื่องก็มีสายเข้ารัวๆ จนกระทั่งคนที่ทำงานเบธมาตามตัวกลับ ซาราห์จึงรู้ว่างานเข้า เพราะเบธเป็นตำรวจ ! แต่เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องเล็กเมื่อเทียบกับหลังจากนี้ ที่มันสุดจะวุ่นวาย


เรื่องนี้ไม่อยากพิมพ์เนื้อเรื่องสปอยล์ เพราะมันจะหมดสนุกได้.....
ดังนั้นพาร์ทหลังจากนี้สปอยล์นิดหน่อย(มั้ง)


ชม
     ความสนุกของเรื่องคือการที่เราไม่รู้ว่าซาราห์จะเจออะไรอีก เบธเป็นใคร คนหน้าเหมือนจะมาในรูปไหน จริงๆแล้วเธอเป็นอะไรกันแน่ แต่ความกวนตีนและเล่ห์เหลี่ยมก็ทำให้เธอแถได้จนเกือบครบซีซั่น ตัวละครซาราห์เป็นตัวละครที่พัฒนาได้ไว ทั้งทางกายและใจ จากคนที่พร้อมจะหนีตลอดเวลา เป็นคนเข้มแข็งที่แม้จะมีคนนู้นคนนี้ตายต่อหน้า แต่ยังบังคับให้ชีวิตตัวเองดำเนินต่อไป หาความจริง และแก้ปัญหาให้คนอื่นๆ  ตัวเรื่องก็ซับซ้อนกำลังดี ตัวละครมีเรื่องราวชวนปวดหัวของตัวเอง แต่มันก็สัมพันธ์กันอย่างเนียนๆ ถึงท้ายๆพอเรื่องเริ่มเฉลยมันก็ชักจะเข้ากรอบไซไฟโคลนนิ่ง แต่การมีตัวละครซาราห์ก็เหมือนกับว่ากรอบนั้นจะถูกแหกเมื่อไหร่ก็ได้ ทำให้เราอยากติดตามต่อไป
     ...อันนี้ขอชาบูไททาเนีย(คนแสดง)บ้าง จากที่ไม่เคยพูดถึงนักแสดง 555 เรื่องนี้ทำให้รู้ว่าไททาเนียแต่งตัวแนวไหนก็สวย (ยกเว้นโปรโคลน)  แสดงเก่ง ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นคนแสดงหลายๆคนจริงๆ ทั้งวิธีการเดิน พูด กิน ยิ้ม อย่างเฮเลน่าที่ดูจิตกว่าคนอื่นชัดเจน และตอนที่ซาราห์ปลอมเป็นอลิสัน ถึงวิธีพูดจะคล้าย แต่ก็ยังเป็นซาราห์  และตอนตัดต่อก็เนียน (แหงสิ ไม่ใช่หนังไทย) การแต่งตัว เสื้อผ้าหน้าผมก็ต่างกันชัดเจน อันนี้ก็เป็นเสน่ห์อย่างนึงของเรื่องนี้เหมือนกัน


บ่น
   - บางช่วงมืด มองยาก บางอย่างที่เป็นส่วนหลักฐานก็ผ่านไปเร็ว หรือตั้งใจให้เราเห็นไม่ชัดก็ไม่ทราบ แต่เราเห็นว่ามันน่าจะทำให้เข้าใจตัวละครได้ลึกขึ้น ถ้าเห็นชัด
   - ฆ่าตัวละครไม่มีเหตุผล ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเชื่อมในซีซั่น 2 หรือเพื่อความฮา แต่ถ้าไม่มีเราว่าตัวละครอลิสันก็จะดูเถื่อนเกินไป บางซีนก็เลือดเกินไป ใส่มาทำไมไม่รู้ แต่ก็ยังไม่ถึงกับทำให้ชวนอ้วก
 

วิเคราะห์มั่วๆสไตล์เรา
   เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...ไม่ควรเกิดมาเป็นตัวโคลนนิ่ง มันทำให้ชีวิตดราม่าเกินความจำเป็น แต่สะดวกดีเวลาต้องการตัวเองในเวลาสองเวลาพร้อมกัน เอ้ย เอาใหม่
   คงจะต้องดูต่อซี 2 นะ ถึงจะเคลียร์ไอเดียหลักของเรื่อง ตอนนี้ที่ดูเหมือนเป็นชิ้นๆที่มองภาพออกคร่าวๆ แต่ก็ยังคาไว้อีกเยอะ ตกลงมันเป็นโปรเจคของใครกันแน่ ใครที่เชื่อใจได้บ้าง ?
.....ที่พอจะดูออกตอนนี้ว่าเรื่องจะบอกเราอย่าง เวลาเราทำอะไรพลาด มันจะสามารถย้อนกลับมาทำร้ายเราได้เสมอ ไม่ว่าจะโดนแบล็กเมล์ หรือจะเป็นโดนกระทำกลับ และเวลาในชีวิตมันสามารถหมดลงได้ทุกเมื่อ .....แล้วก็คงเป็นไอเดียที่ของโคลนนิ่ง ที่เป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่ ถ้าสมมติมันเกิดขึ้นได้จริง ไม่ว่าสุดท้ายจะเป็นตัวจริงหรือเปล่า แต่ทุกคนก็สมควรจะมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตของตัวเอง มีอิสระในการใช้ชีวิต เพียงแต่ว่าในเรื่องนี้ทุกคนจะได้อิสระจริงๆหรือไม่ต้องติดตามกันต่อไป


------------------------------------------------

ภาพ 8/10  หลอกตาเราสนุกดี ก็ไม่ถึงกับสวยเวอร์ ดีตามมาตรฐานซีรียส์

เสียง -/10 ไม่ให้คะแนนดีกว่า เพราะเราบิทมา รู้สึกว่าเสียงคนมันไม่คมเท่าไหร่ แต่เพลงประกอบก็หลอนๆดี แยกได้ง่ายว่ากำลังดำเนินเรื่องมาที่ใคร

เนื้อหา 9/10 ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ 5555 ตัวละครทุกตัวมีเหตุผลที่ต้องใส่เข้ามา มีความซับซ้อนของมันเอง ไม่มีตัวละครที่น่ารำคาญเกินความจำเป็น (หรือน่ารำคาญก็ไม่มีบทเยอะมาก) เนื้อเรื่องก็กระชับ 10 ตอนกำลังดี ตัดเข้าเรื่องของแต่ละโคลนได้สนุกดี ไม่มีเรื่องของคนไหนน่าเบื่อ มีปมผูกให้ติดตาม แต่ก็นั่นแหล่ะ ซีซั่น 1 อ่ะ บางอย่างมันดูไม่มีเหตุผลเท่าไหร่

สรุปนะ ไปดูซร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ชอบไม่ชอบไซไฟก็น่าลอง เหมือนดูซีรีย์หลายๆแนวพร้อมกันในเรื่องเดียว อิอิ

....
......และสิ่งสุดท้ายที่ซาราห์ฝากบอกผู้ดูเรื่องนี้

 "สมรรถภาพในการปรับตัว คือความสำเร็จในชีวิต"
          บังเอิญจริงๆ วันนี้มีดราม่าเกี่ยวกับโรงเรียนเราลงพันทิพย์ด้วย 5555




เจอกันเอนทรี่หน้า
: 3 






ป.ล.พอลจากเพอร์เฟคแมนกากๆจะหล่ออออออออออว์มากกกกกกกกกค่ะะะะะะะะะะะ //ไม่เกี่ยว















วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

[หนัง] My bromance


แนวเรื่อง(ตามความเห็นส่วนตัว) : หนังเกย์,ชีวิต,พี่ชายครับ,ตลก,เศร้า,เซอร์วิส

ความยาว : เกือบ 2 ชม.

ภาษา : ไทย

สาเหตุ : เพื่อนอยากดู

เนื้อเรื่อง : พ่อของกอล์ฟแต่งงานใหม่ มีลูกชาย(แบงค์)ติดมาด้วย ตอนแรกกอล์ฟก็เกลียดน้องต่างแม่(เรื่องเครียด:1) แต่หลังจากเห็นความดีงามของน้องชายคนนี้แล้วความสัมพันธ์ดีๆก็เริ่มเกิดขึ้น

--เข้าโซนสปอยล์ผสมความเห็นส่วนตัว--

        จากนั้นพี่ก็หันมาเทคแคร์น้องแทนแกล้ง และตั้งใจ ทำตัวดีมากขึ้น จนไปถึงโมเม้นท์ยืนมองหน้ากันเนิ่นนาน และเซอร์วิสสาววายนิดหน่อย หลังจากความสัมพันธ์แฮปปี้มาจนป้าเจอรูปถ่ายคู่ คิดว่าป้าต้องเป็นสาววายแน่เลย.... มองรูปคู่แล้วเครียดได้ราวกับว่าเขียนว่าเกย์แปะอยู่ แต่แล้วป้าก็มาเจอสองหนุ่มซุกไซ้กัน แล้วก็เลยด่าทั้งคู่ ....เรื่องไปถึงพ่อ พ่อดราม่าจริงจัง --เป็นอันแรกที่คนแสดงเป็นพ่อดูแข็งน้อยลง ลูกก็เถียงจริงจัง เป็นการเอาประเด็นการรักเพศเดียวกันมาเสนอ ผิดยังไง ต่างกับชายรักหญิงยังไง แล้วก็แสดงถึงค่านิยมรับไม่ได้ของคนทั่วไป (เรื่องเครียด : 2) พ่อจึงยื่นคำขาดให้ไปเมกากับพ่อ จะได้ไม่เกย์กับน้องต่อ แล้ววันต่อมา(?)พี่ชายก็บินไปเลย ไม่อธิบายน้อง ปล่อยให้น้องด่าเ-ี้ยทั้งน้ำตาไล่หลัง....
           ตัดมาที่หกเดือนต่อมา พี่ดันกลับมาพร้อมแฟน น้องเลยเดทกับพี่เต๊าะ เอ้ย พี่ต้อมประชดชีวิต กอล์ฟก็ทำตัวหึงๆๆ ทั้งที่ตัวเองควงสาวกลับบ้านมาแล้วไปนอนโรงแรมกันแท้ๆ ตรงนี้แปลกที่แบงค์ไม่ตัดพ้อเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ประชดอย่างเดียว จนโกรธเคืองกันไป จนแม่นำหนุ่มมาเสนอให้แบงค์ แล้วพี่ชายก็จะหมั้นกับผู้หญิงอีก (เรื่องเครียด : 3)  เป็นช่วงคู่รักประชดกัน จากนั้นแบงค์ก็โดนพี่ต้อมลวนลามแบบอย่างมากอีก --อย่างมากเพราะขนาดฉากของกอล์ฟแบงค์ยังไม่มีเห็นบอกเซอร์ด้วยซ้ำ ...อันนี้เราว่าก็น่าเอาไปดราม่าต่อได้ เพราะน่าจะเป็นการทำร้ายจิตใจแบงค์มากอยู่..แต่ก็ทิ้งไว้เฉยๆ (เรื่องเครียด : 4 ) แบงค์มาถึงบ้านตีสอง พี่กอล์ฟรออยู่ ทะเลาะกันต่อ ไม่เข้าใจทำไมต้องฉุดออกจากบ้านไปทะเลาะกันกลางถนนให้โดนรถชน (จะฉุดไปโรงแรม?) บาดเจ็บทั้งคู่ แต่พบว่าน้องไตพัง พี่เลยบริจาคไตให้ (เรื่องเครียด : 5) ....แต่ทำไมทุกคนต้องทำสีหน้าดราม่าขนาดนั้นกันนะ จากนั้นน้องก็ลากกระเป๋ากลับบ้านไปยืนแฟลชแบ็ค เป็นตอนบอกเลิกกัน ที่งงมากว่าควรจะเป็นตอนไหน คืนแหวนคู่ --หรือหนังจะสื่อด้วยตุ๊กตาอุลตร้าแมนที่พี่ชายต่ออยู่ก็ไม่รู้ แต่เรียบเรียงไม่ทันจริงๆ-- 
             แล้วก็มาเป็นวันเกิดน้องชายเลย ของขวัญมีมากมาย อันสุดท้ายของพี่ แกะมาเจอแหวนคู่ และจดหมายเยินๆที่เพื่อนล้วงมาจากไหนไม่รู้ เฉลยว่าพี่เป็นมะเร็งสมองตาย แบบอย่างไวในไม่กี่เดือน ให้ไตเป็นของขวัญ (เรื่องเครียด : 6) แต่ทุกคนปกปิดเอาไว้ จากนั้นชีวิตน้องชายก็ดำเนินต่อไป จบด้วยคำคมที่ค่อนข้างโหล...

คอมเม้นท์จากสมอง

   - ภาพ 7/10 ชัดและสวย ชอบเลยล่ะ  และบางส่วนก็เห็นความตั้งใจมาก อย่างตอนเริ่มที่ซูมขยะในห้องพระเอกเลย์เอย ซากเลย์เอย ชัดดี มุมกล้องก็ใช้ได้ ตอนจบมือของแบงค์ก็ใช้มือผู้ชายที่แก่ขึ้นไปอีก แต่ไม่ให้เต็มเพราะสิวพระเอกมันชัดแล้วทำให้รู้สึกว่าถ่ายไม่ติดต่อกัน

   - เสียง 5/10 เหมือนจะพยายามให้ได้ฟีลหนังชีวิตหรืออะไรสักอย่าง เสียงแบคกราวน์เยอะ
มากกกกกก ดังเกินเสียงคนด้วยบางครั้ง ค่อนข้างหนวกหู น่าจะลดเสียงไปได้มากกว่านี้ เพราะมันตีกันกับมิวสิคที่ใส่เข้ามา แล้วมิวสิคก็ตัดๆเปลี่ยนๆเร็วมาก เฟดออกไม่ค่อยเนียน อารมณ์มันเลยกระตุก

   - เนื้อเรื่อง 4/10 ถือว่าโอเคในแง่หนังชีวิตม.ปลาย แบบโมเม้นท์กับเพื่อนๆ มีเรื่องเพื่อนคนอื่นบ้าง แต่เฟลในความเป็นหนังดราม่า ก็เศร้านะ แต่เหมือนมันต้องการจะยัดๆมากเกินไป และช่วงที่ควรจะมีต่อกลับตัดเลย ช่วงที่สามารถตัดเรื่องได้ก็ดำเนินเรื่องยาวไป 
       พระเอกทำตัวเซนสิทีฟมากๆ น้ำตาไหลค่อนข้างบ่อย ในฐานะผู้ชายแบบBad boy น่าจะเก็บอารมณ์ได้ดีกว่านี้ แล้วแต่ก่อนก็ชอบผู้หญิงด้วย ทำให้รู้สึกว่ายอมรับความรู้สึกตัวเองต่อน้องง่ายไป แล้วก็พวกคำพูดเลี่ยนๆที่ดูไม่สมจริง (ส่วนตัวคิดว่าวิธีร้องไห้ตลกเกินไปจนขำ..ขอโทษค่ะ) 
       น้องชาย ตอนเริ่มมาเป็นเด็กผู้ชายเรียบร้อยมากออกแนวเบ๊ แต่พอสารภาพรักกันปุ๊บความแมนมลายหายไปเบย ส่วนตัวแอบรู้สึกว่าถ้าแมนอีกหน่อยมันจะได้อารมณ์มากกว่า แต่ก็เป็นนางเอกนี่นะ พอแต่งหน้าแล้วก็สวย(มากกกกกกกกกกก) ตามเรื่องเหมือนจะให้เป็นคนดีมากๆๆๆ จนเจอเรื่องร้ายๆหลายเรื่องก็ไม่เก็บมาคิดเลย (หรือคิดนะแต่ไม่แสดงออก)  ตัวละครเลยดูตื้นๆ 
       เพื่อน : ตอนแรกยังรังเกียจเกย์อยู่เลยแต่พอน้องชายสารภาพดันยอมรับกันง่ายๆ ทั้งที่ทำหน้าเหมือนจะดราม่าได้อีกประเด็น นอกนั้นก็ดูธรรมชาติดี เป็นตัวสร้างสีสันให้เรื่อง ครึ่งแรกเราเข้าใจว่าดูหนังตลกอยู่

     - สรุป จะไม่ชักชวนให้ดู ยกเว้นสาววายต้องการเสพวายอย่างมาก (เพื่อนสาววายเรายังเซ็ง) หรืออยากไปดูภาพบรรยากาศเชียงใหม่ หรืออยากดูหน้านักแสดงแบบซูมๆ เพราะเนื้อเรื่องยัดประเด็นเยอะไป (ที่ใช้คำว่า เรื่องเครียด) บางอันก็จบประเด็นง่ายๆเร็วๆ แต่บางอันแก้ประเด็นไม่หมด เช่น แฟนพี่กอล์ฟหายไปไหน มาแค่เฟคเฉยๆ? มะเร็งสมองโผล่มาเหมือนโดนโยนเข้ามา (อันนี้ค่อนข้างแย่นะ ไม่มีอาการอะไรแสดงก่อนหน้านี้เลย มะเร็งสมองควรจะมีอาการบ้าง) ....สรุปแล้วผู้ชายรักกันได้มั้ย พี่น้องรักกันแบบนี้ผิดมั้ย แล้วสรุปทั้งสองคนจบที่ความรู้สึกพี่น้องเพราะมันผิดหรือเปล่า ? เราว่าจบที่สรุปว่าเป็นประสบการณ์ดีๆในชีวิตมันห้วนไป เหมือนพยายามทำเรื่องให้ดราม่าๆซึ้งๆเข้าไว้ แต่แก่นเรื่องกลับไม่ชัดเจน

----------------------------


ดูที่เอสพละนาดพร้อมบัตรเอ็มเจ็นรวมเป็นแปดสิบบาท
ถือซะว่าไปดูภาพสวยๆกับหนุ่มๆแบบซูมๆ



วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

[หนัง] ฟ้าคือสีที่อบอุ่นที่สุด

หรือ Blue is the warmest color
แนวเรื่อง(ตามความเห็นส่วนตัว) : หนังเกย์(เลสเบี้ยน),ชีวิต,ติสต์แตก,หน้านางเอกเต็มไปหมดเลย
ความยาว : เกือบ 3 ชม.
ภาษา : ฝรั่งเศส
สาเหตุ : ชื่อโดนใจโดนใจด้วยสาเหตุบางประการ กับชอบโปสเตอร์อันที่เป็นคนสองคนหันหน้าเข้าหากัน ชอบสีผมตัวเอกสุดๆ!! ...ขอสารภาพว่าตอนแรกเห็นคนหัวฟ้าเป็นผู้ชาย


เนื้อเรื่อง
***ย่อและสปอยล์อย่างมาก***
เกี่ยวกับเด็กสาวที่ชื่ออะเดล อยู่ในวัยรุ่นวุ่นรัก เธอค่อนข้างได้รับความนิยม มีหนุ่มมาจีบ แล้วก็ตามสไตล์หนังฝรั่ง มีเซ็กซ์กับแฟนหนุ่ม แต่สุดท้ายเธอกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่... ระหว่างนั้น เธอก็เจอสาวทอมบอยหัวฟ้า(ที่มากับแฟนของเขา) แล้วก็ดันไปติดใจคนนั้น...ก็ขนาดเก็บไปฝัน(?)เลยนะ อะเดลตัดสินใจเลิกกับแฟนหนุ่ม ด้วยความสับสนในจิตใจ เธอก็ร้องไห้ใส่จอไปอีกสักพัก ให้สะเทือนอารมณ์เล็กๆ แล้วต่อมาชีวิตก็ดำเนินต่อไป
อะเดลมีเพื่อนเป็นเกย์ เธอจึงได้ไปบาร์เกย์ ชายหนุ่มต่างเพศและวัยจุมพิตกันเต็มฉากเบย--แล้วเธอก็เดินหนีออกมาอีกบาร์หนึ่ง กลายเป็นบาร์เกย์(หญิง)แทน ก็บรรยากาศคล้ายๆกัน หลังจากนั่งเหม่อสั่งเครื่องดื่มแล้วก็พบกับสาวในฝัน!!?? ที่มาช่วยเธอจากการโดนเต๊าะ แล้วความสัมพันธ์ก็ค่อยๆพัฒนาอย่างช้าๆจากตรงนั้น จนไปถึงตอนที่อายุมากขึ้น ทำงานแล้วอยู่ด้วย และการจบลงของความสัมพันธ์
เพิ่มเติม
การใช้ภาษาของเราอาจจะเสียอรรถรสไปเยอะ เพราะเรื่องนี้เขาจะค่อยๆดำเนินเรื่องไปช้าๆ ใส่รายละเอียดนู่นนี่ ฉากที่ทั้งคู่เจอกันครั้งแรก ฉากที่ไปเที่ยวงานพาเหรดอะไรสักอย่าง กิริยาการเคี้ยวของอะเดล การทำผม การดูดบุหรี่ และฉากเซ็กซ์ที่ก็ถ่ายเหมือนดูหนังชีวิตฉากหนึ่ง
....มันคือหนังชีวิตนั่นเอง เหมาะแก่การดูเรื่อยๆ ให้อินไปกับความรู้สึกตัวละคร ความสับสนในใจ กามตัณหา ความสัมพันธ์กับเพื่อน ความสัมพันธ์กับครอบครัว เหมือนได้ทำความรู้จักกับชีวิตคนอีกคนหนึ่ง ได้เห็นจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของความรัก
วิเคราะห์จากสมองตัวเอง
อะเดลเป็นตัวละครที่เป็นเด็กสาวธรรมดามาก หน้าตาดี แต่ก็มีสิ่งที่อยากทำคือการเป็นครูสอนเด็กๆ น่าแปลกที่ในเรื่องเอมม่าจะทักถึงเรื่องการเขียนหนังสืออยู่ตลอดแล้วบอกว่าเธอมีพรสวรรค์ แต่อะเดลก็จะปฏิเสธทุกครั้งไป ด้านครอบครัวก็พูดถึงแต่อาชีพมั่นคงในชีวิต ทำแต่สปาเก็ตตี้ที่อร่อย แต่เบสิก นั่งดูทีวีนิ่งๆเงียบๆระหว่างกินข้าว เมื่อเอาเทียบกับตัวละครเอมม่าที่บ้านจะกินอะไรแปลกๆ(สำหรับอะเดล) มีพ่อเลี้ยงเป็นเชฟ และตัวเอมม่าก็อยากทำงานด้านศิลปะ ซึ่งถูกพ่อแม่อะเดลมองว่า"ไม่มั่นคง" แต่เอมม่าก็ไม่ได้แคร์ใครเท่าไหร่ จนตอนจบเราจะเห็นได้ว่าเอมม่าประสบความสำเร็จมีแกลลอรี่ของตัวเอง
ไม่แน่ใจว่าคิดมากไปมั้ย แต่รู้สึกว่าสองคนนี้เหมือนแสดงให้เห็นถึงคนที่ยึดติดแต่หลักของ"ชีวิตจริง"กับคนที่ยึดกับ"ความฝัน"แล้วจะทำให้มันเป็นจริง
อย่างนึงที่ทำให้รู้สึกอย่างนั้นคือหัวฟ้าของเอมม่า ..คนปกติไม่ทำสีผมแปลกขนาดนั้น (มองตามเรื่อง) แล้วก็การที่อะเดลต้องปกปิดความสัมพันธ์ของตัวเองกับเอมม่า สิ่งที่ไม่ถูกยอมรับแล้วถูกเก็บงำเอาไว้ เอมม่าจึงเปรียบเสมือนฝันที่เป็นจริงของอะเดล ความต้องการจริงๆของเธอ..
อะเดลเป็นตัวแทนของความจริงที่ติดอยู่กับความรัก หนังแสดงให้เห็นว่าอะเดลก็แค่เป็นครู แล้วก็ช่วยเอมม่าเตรียมงาน และพูดอยู่บ่อยๆว่าการอยู่กับเอมม่าคือสิ่งที่เธอมีความสุขที่สุดแล้ว ในขณะที่เอมม่าจะไม่ค่อยพูดเยอะ เธอทุ่มเทและตั้งใจทำงานมาก เป็นคนที่กำลังวิ่งตามความฝันอย่างจริงจัง และพอดูจนจบแสดงให้เห็นว่า เอมม่าไม่ค่อยพูดอะไรโรแมนติกแต่เป็นคนที่ซื่อสัตย์ และรักมั่นคงมากกว่าอะเดลเสียอีก อะเดลจึงเป็นคนที่เอาความเหงามาเป็นข้ออ้าง และนอกใจเอมม่า พอเลิกกันอะเดลก็ดูจะเป็นฝ่ายที่ตั้งต้นใหม่ได้ยากกว่า เพราะได้ฝากความรัก ความหวัง ความฝันไว้กับคนๆเดียวหมดแล้ว (โดนเอมม่าไล่ออกจากบ้าน) เรียกได้ว่าชีวิตเสียศูนย์เลยทีเดียว เราคิดว่าหนังกำลังบอกอะไรบางอย่าง ...ไม่ได้บอกว่าอะเดลผิดหรือเปล่า แต่เหมือนกำลังเล่าเหตุและผลที่จะเกิด ไม่ว่าจะเพศไหน จะรักกันยังไง ความไว้ใจก็มาก่อนเสมอ และถ้าทำลายมันลงไปแล้ว การจะย้อนกลับไปให้ทุกอย่างเหมือนนั้นเป็นไปไม่ได้เลย...



จบนะ
ภาพ 8/10
เนื้อเรื่อง 6/10
(มันเล่าชีวิตอ่ะ เดาได้ และไม่ได้อินขนาดนั้น)
โดยรวม 7/10
(ไม่ดูซ้ำ ไม่แนะนำให้คนที่ไม่ใช่แนวนี้ดู แต่ถ้าชอบแนวนี้ เราว่าก็คงเป็นหนังที่สนุกอยู่พอสมควร
)


และสุดท้ายเราก็ยังงงๆว่าสีฟ้ามันอุ่นยังไง...

วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

บล็อกกิ้ง



...พิมพ์ไว้ก่อน เดี๋ยวลืมว่าสร้างบล็อกมาทำไม

เป้าหมายบล็อกนี้คือ รีวิว / วิเคราะห์ / ประเมิน / ความเห็นส่วนตัว
เกี่ยวกับ ซีรียส์ (ส่วนใหญ่น่าจะฝรั่ง) ภาพยนตร์ อนิเมชั่น อะไรที่มันเคลื่อนไหวได้ หรืออาจจะเป็นหนังสือก็ได้

อาจจะเป็นอันที่ชอบมากๆ หรือเกลียดมากๆ ตามใจตัวเองเป็นหลัก
จะไม่มีภาพเยอะๆเหมือนบล็อกในเอ็กซ์ทีน หรือถ้ามีก็จะไม่วาดเอง

เอาไว้ฝึกพิมพ์ยาวๆด้วย การใช้ภาษาจะได้ไม่ตกต่ำเกินไป (ฮา)


จะแยกโซนเนื้อเรื่อง เล่าแบบเราเอง วิเคราะห์มีเหตุผลและโซนใช้อารมณ์
คิดว่าคงสปอยซะส่วนใหญ่ แต่จะพยายามไม่เล่าเรื่องย่อให้สปอยมาก
ถ้าไม่ลืมก็จะพิมพ์คำเตือนทุกครั้ง
แต่ก็ไม่ใช่บล็อกโฆษณาหนัง ดังนั้นอ่านแล้วคงเสียอรรถรสอยู่ล่ะมั้ง

อ้อ แล้วก็ คิดว่าคำว่าสนุกของแต่ละคนต่างกัน
(โดยเฉพาะเราที่จะสนุกไม่ค่อยเหมือนเพื่อนเท่าไหร่)
ไม่ควรเชื่อเรื่องความสสนุกของเราเท่าไหร่ แนะนำให้อ่านโซนอื่นจะดีกว่า


ใครหลงเข้ามาอ่านก็แสดงความยินดีด้วย 
คุณเข้าสู่โลกของการเสพหนังของแว่นแดงแล้ว
:3