วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

[หนัง] ฟ้าคือสีที่อบอุ่นที่สุด

หรือ Blue is the warmest color
แนวเรื่อง(ตามความเห็นส่วนตัว) : หนังเกย์(เลสเบี้ยน),ชีวิต,ติสต์แตก,หน้านางเอกเต็มไปหมดเลย
ความยาว : เกือบ 3 ชม.
ภาษา : ฝรั่งเศส
สาเหตุ : ชื่อโดนใจโดนใจด้วยสาเหตุบางประการ กับชอบโปสเตอร์อันที่เป็นคนสองคนหันหน้าเข้าหากัน ชอบสีผมตัวเอกสุดๆ!! ...ขอสารภาพว่าตอนแรกเห็นคนหัวฟ้าเป็นผู้ชาย


เนื้อเรื่อง
***ย่อและสปอยล์อย่างมาก***
เกี่ยวกับเด็กสาวที่ชื่ออะเดล อยู่ในวัยรุ่นวุ่นรัก เธอค่อนข้างได้รับความนิยม มีหนุ่มมาจีบ แล้วก็ตามสไตล์หนังฝรั่ง มีเซ็กซ์กับแฟนหนุ่ม แต่สุดท้ายเธอกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่... ระหว่างนั้น เธอก็เจอสาวทอมบอยหัวฟ้า(ที่มากับแฟนของเขา) แล้วก็ดันไปติดใจคนนั้น...ก็ขนาดเก็บไปฝัน(?)เลยนะ อะเดลตัดสินใจเลิกกับแฟนหนุ่ม ด้วยความสับสนในจิตใจ เธอก็ร้องไห้ใส่จอไปอีกสักพัก ให้สะเทือนอารมณ์เล็กๆ แล้วต่อมาชีวิตก็ดำเนินต่อไป
อะเดลมีเพื่อนเป็นเกย์ เธอจึงได้ไปบาร์เกย์ ชายหนุ่มต่างเพศและวัยจุมพิตกันเต็มฉากเบย--แล้วเธอก็เดินหนีออกมาอีกบาร์หนึ่ง กลายเป็นบาร์เกย์(หญิง)แทน ก็บรรยากาศคล้ายๆกัน หลังจากนั่งเหม่อสั่งเครื่องดื่มแล้วก็พบกับสาวในฝัน!!?? ที่มาช่วยเธอจากการโดนเต๊าะ แล้วความสัมพันธ์ก็ค่อยๆพัฒนาอย่างช้าๆจากตรงนั้น จนไปถึงตอนที่อายุมากขึ้น ทำงานแล้วอยู่ด้วย และการจบลงของความสัมพันธ์
เพิ่มเติม
การใช้ภาษาของเราอาจจะเสียอรรถรสไปเยอะ เพราะเรื่องนี้เขาจะค่อยๆดำเนินเรื่องไปช้าๆ ใส่รายละเอียดนู่นนี่ ฉากที่ทั้งคู่เจอกันครั้งแรก ฉากที่ไปเที่ยวงานพาเหรดอะไรสักอย่าง กิริยาการเคี้ยวของอะเดล การทำผม การดูดบุหรี่ และฉากเซ็กซ์ที่ก็ถ่ายเหมือนดูหนังชีวิตฉากหนึ่ง
....มันคือหนังชีวิตนั่นเอง เหมาะแก่การดูเรื่อยๆ ให้อินไปกับความรู้สึกตัวละคร ความสับสนในใจ กามตัณหา ความสัมพันธ์กับเพื่อน ความสัมพันธ์กับครอบครัว เหมือนได้ทำความรู้จักกับชีวิตคนอีกคนหนึ่ง ได้เห็นจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของความรัก
วิเคราะห์จากสมองตัวเอง
อะเดลเป็นตัวละครที่เป็นเด็กสาวธรรมดามาก หน้าตาดี แต่ก็มีสิ่งที่อยากทำคือการเป็นครูสอนเด็กๆ น่าแปลกที่ในเรื่องเอมม่าจะทักถึงเรื่องการเขียนหนังสืออยู่ตลอดแล้วบอกว่าเธอมีพรสวรรค์ แต่อะเดลก็จะปฏิเสธทุกครั้งไป ด้านครอบครัวก็พูดถึงแต่อาชีพมั่นคงในชีวิต ทำแต่สปาเก็ตตี้ที่อร่อย แต่เบสิก นั่งดูทีวีนิ่งๆเงียบๆระหว่างกินข้าว เมื่อเอาเทียบกับตัวละครเอมม่าที่บ้านจะกินอะไรแปลกๆ(สำหรับอะเดล) มีพ่อเลี้ยงเป็นเชฟ และตัวเอมม่าก็อยากทำงานด้านศิลปะ ซึ่งถูกพ่อแม่อะเดลมองว่า"ไม่มั่นคง" แต่เอมม่าก็ไม่ได้แคร์ใครเท่าไหร่ จนตอนจบเราจะเห็นได้ว่าเอมม่าประสบความสำเร็จมีแกลลอรี่ของตัวเอง
ไม่แน่ใจว่าคิดมากไปมั้ย แต่รู้สึกว่าสองคนนี้เหมือนแสดงให้เห็นถึงคนที่ยึดติดแต่หลักของ"ชีวิตจริง"กับคนที่ยึดกับ"ความฝัน"แล้วจะทำให้มันเป็นจริง
อย่างนึงที่ทำให้รู้สึกอย่างนั้นคือหัวฟ้าของเอมม่า ..คนปกติไม่ทำสีผมแปลกขนาดนั้น (มองตามเรื่อง) แล้วก็การที่อะเดลต้องปกปิดความสัมพันธ์ของตัวเองกับเอมม่า สิ่งที่ไม่ถูกยอมรับแล้วถูกเก็บงำเอาไว้ เอมม่าจึงเปรียบเสมือนฝันที่เป็นจริงของอะเดล ความต้องการจริงๆของเธอ..
อะเดลเป็นตัวแทนของความจริงที่ติดอยู่กับความรัก หนังแสดงให้เห็นว่าอะเดลก็แค่เป็นครู แล้วก็ช่วยเอมม่าเตรียมงาน และพูดอยู่บ่อยๆว่าการอยู่กับเอมม่าคือสิ่งที่เธอมีความสุขที่สุดแล้ว ในขณะที่เอมม่าจะไม่ค่อยพูดเยอะ เธอทุ่มเทและตั้งใจทำงานมาก เป็นคนที่กำลังวิ่งตามความฝันอย่างจริงจัง และพอดูจนจบแสดงให้เห็นว่า เอมม่าไม่ค่อยพูดอะไรโรแมนติกแต่เป็นคนที่ซื่อสัตย์ และรักมั่นคงมากกว่าอะเดลเสียอีก อะเดลจึงเป็นคนที่เอาความเหงามาเป็นข้ออ้าง และนอกใจเอมม่า พอเลิกกันอะเดลก็ดูจะเป็นฝ่ายที่ตั้งต้นใหม่ได้ยากกว่า เพราะได้ฝากความรัก ความหวัง ความฝันไว้กับคนๆเดียวหมดแล้ว (โดนเอมม่าไล่ออกจากบ้าน) เรียกได้ว่าชีวิตเสียศูนย์เลยทีเดียว เราคิดว่าหนังกำลังบอกอะไรบางอย่าง ...ไม่ได้บอกว่าอะเดลผิดหรือเปล่า แต่เหมือนกำลังเล่าเหตุและผลที่จะเกิด ไม่ว่าจะเพศไหน จะรักกันยังไง ความไว้ใจก็มาก่อนเสมอ และถ้าทำลายมันลงไปแล้ว การจะย้อนกลับไปให้ทุกอย่างเหมือนนั้นเป็นไปไม่ได้เลย...



จบนะ
ภาพ 8/10
เนื้อเรื่อง 6/10
(มันเล่าชีวิตอ่ะ เดาได้ และไม่ได้อินขนาดนั้น)
โดยรวม 7/10
(ไม่ดูซ้ำ ไม่แนะนำให้คนที่ไม่ใช่แนวนี้ดู แต่ถ้าชอบแนวนี้ เราว่าก็คงเป็นหนังที่สนุกอยู่พอสมควร
)


และสุดท้ายเราก็ยังงงๆว่าสีฟ้ามันอุ่นยังไง...

2 ความคิดเห็น:

  1. เดี๋ยวๆๆ เธอเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ได้ยังไงฟะ

    ตอบลบ