วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557

[หนัง] คุณหมอแพทซ์ อดัม



     หนังเรื่องนี้เป็นหนังคนที่...

อยากเป็นหมอ 

กำลังเรียนหมอ 

จบหมอแล้ว 

หรือไม่ใช่หมอ 

..ก็น่าดู


(หนังเก่า 1998 อีกแล้วค่ะ)


            ตั้งแต่เริ่มเรื่อง.... อดัมเป็นคนธรรมดาที่เข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลโรคประสาทเพราะพยายามฆ่าตัวตาย แต่ค้นพบความสนุกในการคุยกับคนไข้คนอื่น รับฟังปัญหาของพวกเขา เขาพบสิ่งที่อยากทำที่สุดในชีวิตแล้ว นั่นคือการช่วยเหลือคนอื่น

             ภาพตัดมาที่สองปีถัดมา อดัมเป็นนศพ.ปี 2 ที่แหกทุกกฏ เนียนเข้าไปคุยกับคนไข้ในรพ. เล่นด้วย สร้างความสนุกสนานเฮฮา และวุ่นวาย จนโดนคณบดี(มั้ง) เขม่นอยู่บ่อยๆ ช่วงแรกๆเขาก็รอดตัวไปได้ เพราะเขาคือหนึ่งในนศพ.ที่คะแนนสูงสุด !! (จะเกรียนต้องเก่งด้วยนะจ้ะ) แต่เมื่อความวุ่นวายทวีคูณ เพื่อนบางคนก็ใส่ร้าย บางคนก็ตีตัวออกห่าง ด้วยคำพูดว่า

"ฉันมาเรียนแพทย์ เพื่อจะเป็นแพทย์ที่ รักษาพวกเขาให้หาย ไม่ได้ต้องการมาเป็นตัวตลกให้คนไข้"

อดัมก็จะเถียงกลับประมาณ
"แล้วทำไมพวกเราต้องรักษาแต่โรค แค่ยืดวันตายคนไข้เหรอ หน้าที่ของแพทย์ควรจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตสิ ทำให้พวกเขามีความสุขด้วยสิ"

              เรื่องนี้คงไม่เล่ายาว เพราะความสนุกของเรื่องอยู่ที่ความบ้าของตัวเอก ที่ไม่แคร์กฏและทำทุกอย่างได้เพื่อคนไข้ แพทซ์ใส่เสื้อเชิ้ตสีสันฉูดฉาดอยู่เสมอ เอาของในร.พ.มาเล่น เล่าเรื่องตลก และเฟรนด์ลี่ระดับเทพ จนทำให้คนไข้หลายๆคนเปิดใจให้เขา แม้แต่คนไข้ที่ก้าวร้าวและปิดใจที่สุด ก็ถูกแพทซ์ทลายกำแพงได้ด้วยความพยายาม แต่ก็มีหักมุมบางอย่างที่ทำให้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่าชีวิตหมอบ้าบอคนนึง แสดงให้เห็นว่าแพทซ์ก็มีมุมเครียด เศร้าเหมือนคนทั่วไป

              ช่วงที่ดูแล้วชวนคิดที่สุดคือในห้องประชุมที่จะตัดสิทธ์การเรียนต่อของแพทซ์ อันนั้นจะแสดงแนวคิดออกมาชัดที่สุด แพทซ์อาจจะเป็นเหมือนหมอหน้าใหม่ ที่แรกๆก็ไฟแรง ปฏิบัติกับคนไข้อย่างดี ทุ่มเทชีวิตให้ มีปฏิสัมพันธ์ มีอารมณ์ความรู้สึกร่วมกัน ซึ่งตามจรรยาบรรณแพทย์มักจะไม่ให้สนิทกับคนไข้เกินควร ในเรื่องเคร่งเรื่องระยะระหว่างคนไข้-หมอ แบบมากๆ จนบางทีแพทย์ก็ลืมปฏิบัติกับคนไข้ในฐานะมนุษย์ไปหรือเปล่า ?



                ในเรื่องจะทำให้เราตั้งคำถามกับนิยามแพทย์อยู่เรื่อยๆ ตกลงแล้วแพทย์ต้องปฏิบัติตัวเองยังไงกันแน่ ตั้งใจเรียนอย่างเดียวมันคงไม่ใช่หรอก แล้วการทุ่มเทแบบแพทซ์ขนาดนี้ล่ะ ความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือคนอื่นใช่มั้ย คือเหตุผลที่ทำคนเรียนแพทย์อยากเป็นแพทย์  หรือเพราะเงิน ? เพราะเกียรติ ?

                 ......สุดท้ายเราว่าแพทซ์ไม่ใช่คำตอบของการเป็นแพทย์ซะทีเดียว อุดมการณ์และการทำอุดมการณ์สำเร็จของเขาเป็นเรื่องที่ดี น่ายกย่อง (สุดท้ายก็มี Gesundheit! Institute ได้จริงๆ เจ๋งมาก) แต่การจะให้ลุกขึ้นมาทำแบบเขานั้นคงเป็นไม่ได้แน่ ....แต่ละคนคงมีวิธีการ มีเส้นทางที่ต่างออกไป สิ่งที่จะได้จากเขาก็คงเป็นแรงผลักดัน ที่ทำให้เชื่อว่าการช่วยเหลือคนอื่นนั้นมันมีคุณค่า แม้ผลตอบแทนมันจะมีน้อย หรือไม่มี หรือได้รับอะไรแย่ๆกลับมาแทน แต่ถ้าทำให้สิ่งที่ตัวเองเชื่อว่าดี อย่างน้อยๆเราก็จะไม่เสียใจภายหลังแน่ๆเมื่อหันกลับมามองย้อนดู :)


                   สรุปแล้ว ก็ไม่ใช่หนังสนุกมากมายอะไร ดูเรื่อยๆ มีสุข มีเศร้า เราว่าเป็นหนังที่ดูแล้วได้แรงบันดาลในการคุยกับมนุษย์คนอื่นดี การสื่อสารกับคนอื่นไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น แค่เรื่องเล็กๆน้อยก็ทำให้คนอื่นรู้สึกดีได้ ได้ทบทวนและถามตัวเองถึงอาชีพแพทย์ คิดว่าถ้าขาดแรงบันดาลใจเมื่อไหร่ คว้ามาดูอีกรอบก็คงได้อะไรดีๆ....กลับไปสู้กับโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง  
             



คงจะเจอกันเอนทรี่หน้า

...หลังจากนี้กะว่าจะขุดแต่หนังเก่าๆมาดู 
หลังจากระเบิดมวลมหาดีวีดีที่บ้านออกมา 55555


ป.ล.เอ้อะ โรบิน วิลเลี่ยมอีกแล้วววววววว

วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557

[หนัง] กึ้ดเติงวิทยา


มีคนบอกว่า หนังเหงาๆต้องไปดูคนเดียว (ใคร?)
ก็เลยไปลองดูหนังคนเดียวเป็นครั้งแรกซะเลย (จริงๆคือเพื่อนดูกันหมดแล้ว ๕๕๕) 
...ได้เปลี่ยนอารมณ์ดีเหมือนกัน

เอ้อ เข้าเรื่องๆ....





...เคยถูกส่งไปที่กันดารๆ ลำบากๆ แล้วต้องเอาชีวิตรอดให้ได้หรือเปล่า ?



                                                 ...เคยต้องห่างจากคนที่รัก จนเกิดรอยร้าวระหว่างความสัมพันธ์หรือเปล่า


....เคยอ่านไดอารี่ของคนอื่นมั้ย ?



                                                                                          ....เคยคิดถึงคนที่ไม่เคยเห็นหน้าบ้างหรือไม่ ?


 
      ......ทั้งหมดนี้น่าจะพออธิบายเรื่องได้คร่าวๆ ถึงในวิกิจะบอกว่าเป็นแนวโรแมนติกก็เถอะ ยังไงก็คือหนังรักสไตล์ GTH อยู่ดี คือฮาๆขำๆ ไม่ได้โฟกัสที่รักมันซะทั้งหมด แต่คิดว่ามันแอบยาวไปหน่อย ทำให้เกือบหลุดคำว่าสนุก .........แต่โดยสรุป (เลิกให้คะแนนละ รู้สึกยังดูหนังไม่เยอะพอจะให้คะแนน ._.) เราชอบนะ เป็นหนังที่น่าดูเรื่องหนึ่ง
       ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเป็นคนชอบเขียนไดอารี่มั้ง รู้สึกว่าไดอารี่ของครูแอน (พลอย) มันสมจริงและได้อารมณ์ดี ที่มีเปลี่ยนฟอนต์การเขียน เปลี่ยนปากกาที่ใช้  โมเม้นท์ที่น่าสนุกก็จดๆเก็บไว้ เขียนสั้นๆตามอารมณ์ แต่ทำให้รู้สึกว่า ครูสอง(บี้)ช่างมโนมาก แต่เอาเถอะ ด้วยสภาพแวดล้อมที่ไร้สัญญาณโทรศัพท์ ไร้สิ่งอื่นๆให้ทำ การมโนก็อยู่ในระดับรับได้ (ฮา)
        ...เราคิดว่าเสน่ห์ของเรื่องนี้คงจะเป็นการใช้สถานที่ร่วมกันของคนสองคนในเวลาที่ต่างกัน และมีการสื่อสารทางเดียวคือ ไดอารี่เล่มนึง เรื่องการทำตามอุดมการณ์ที่อยู่สอนเด็กในที่ๆไม่มีใครอยากสอน แต่ด้วยความเก่งและตั้งใจของครูแอน ความซื่อและจริงใจของครูสอง ก็สะท้อนวิธีการเป็นครูที่แตกต่างกัน และค่อนข้างชอบที่เรียนวิทย์เรื่องแรงลอยตัวโดยให้เด็กไปอยู่ในสระกันจริงๆ (//แทรกนิด//จริงๆแล้วใช้แค่จุ่มของก็พอมั้ง ...ถึงครูแอนก็ดูเป็นคนสุดโต่งอยู่แล้ว คุณแฟนกลับไม่แนะนำวิธีแก้ปัญหาที่ฉลาดๆ ซึ่งมีร้อยแปดพันเก้า ตรงๆคือดูโง่กันไปหน่อย ....แต่ เออ เลิกกันแหล่ะดีแล้ว ๕๕๕๕) มันเหมือนแซะวิธีการเรียนการสอนสมัยนี้อยู่หน่อยๆ  เรียนอะไรท่องกันไปวันๆน่ะ หัดมีของจริงให้ดูบ้างอะไรบ้างสิคระ อะไรอย่างนั้น


      ก็คงจะประมาณนี้ละมั้ง ภาพก็ดูสวยดี พลอยสวยดี เอ้ย ทั้งหมดแอคติ้งก็ดีนะ เด็กๆก็สมจริงกันดี ชอบแสงพระอาทิตย์ตอนเย็นๆ ชอบบรรยากาศที่ต้องจุดตะเกียง ทำให้อยากลองไปลอยแพตัวเองบ้าง (ฮา) แต่แค่วันเดียวก็พอละ คุณภาพเสียงก็มาตรฐาน




.....คงจะต้องขอยืมคำพูดเพื่อนมา

"ถ้าชอบหนังละมุนๆ ก็ถือเป็นหนังที่สนุกดีเรื่องนึง"

(ขอแอบเติม สำหรับคนที่มีใครสักคนให้คิดถึงน่ะนะ...)





เจอกันเอนทรี่หน้า
                



========================================================================

.......ชักจะขี้เกียจเขียนเป็นแพทเทิร์นล่ะ ยังไงมันก็เป็นบล็อกเงียบๆอยู่แล้ว ขอเปลี่ยนแนวมันดื้อๆอย่างงี้เลยละกัน รู้สึกเหมือนพิมพ์คุยกับตัวเอง lol
........ทำไมมายโบรมีคนมาดูเยอะจังฟะคะ ฟฟฟฟฟ
........บล็อกกว้างไม่สะใจเลยสิ จิ๊

วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2557

[หนัง] ฝันอัลไลจะมาถึง

What dream may come  (1998)




เรื่องราวของชายคนนึง คริส เนลสัน
เขาพบรักกับสาวนักวาดภาพ แอนนี่คอลลิน
เวลาล่วงเลยจนทั้งสองมีลูก มีบ้านน่ารักๆหลังหนึ่ง
ที่ชีวิตดำเนินไปตามปรกติ มีเรื่องขัดแย้งบ้างตามธรรมดา


.....ลูกชายลูกสาวเดินทางไปโรงเรียนเหมือนทุกวัน

ทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปเหมือนทุกวัน....

แต่ลูกทั้งสองก็ประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตทั้งคู่

พ่อแม่ที่เสียลูกไปย่อมใจสลายเป็นธรรมดา

เพียงแต่ว่าคนหนึ่งเลือกจะทำตัวให้เข้มแข็งและมีชีวิตต่อไป
ในขณะที่อีกคนหนึ่งดำดิ่งลงสู่ความเศร้าและรู้สึกผิด

ถึงอย่างนั้นเวลาก็ช่วยเยียวยาทั้งคู่
จนเหมือนจะใช้ชีวิตได้ตามปกติ 
แต่ชีวิตก็ไม่ราบรื่น...
เมื่อผู้เป็นสามีตัดสินใจลงไปช่วยคนที่โดนรถชน ...จนตายเสียเอง (...)


....หลังจากที่เขาพบว่าตัวเองตาย หลังตัดใจจากสุดที่รักของเขาอย่างยากลำบาก
เขาก็เดินทางไปสู่ดินแดนหลังความตาย
และรอคนที่เขารักที่สุด ให้ถึงวันที่เธอจะตามมาด้วยกัน

แต่ว่าการจากไปของคริสทำให้จิตใจแอนนี่พังทลาย
ถึงเธอจะพยายามทำตามที่จิตแพทย์บอก
แต่เธอก็ใกล้จะถูกส่งไปโรงพยาบาลบ้าอีกครั้ง

แอนนี่จึง ฆ่าตัวตาย เพื่อที่จะจบความทรมานนี้ลง


แต่แอนนี่ไม่ได้มาอยู่ที่ดินแดนเดียวกับคริส เพราะการฆ่าตัวตาย
ใช่ว่าเธอจะตกนรก แต่เธอจะต้องจมอยู่ในความเศร้าโศกและอ้างว้างไปตลอดกาล

คริสผู้มีแอนนี่เป็นรักแท้จึงตัดสินตามหาเธอ ไม่ว่าจะต้องผ่านนรก หรืออะไรก็ตาม....


         ก็คิดว่าเป็นหนังที่เนื้อเรื่องดูเป็นพระพุทธศาสนาผิดคาด... ถึงนรกจะเป็นคนละนรกก็เถอะ(ดูทรมานไม่เท่าของไทย แต่สยอง..) คนชั่วก็มีนรกตายๆให้ลงต่างกันไป คนที่ได้ขึ้นสวรรค์ก็มีดินแดนอันกว้างใหญ่สวยงาม (สวยจริงๆ อยากดูในโรงจัง...)และสุขสบายของตัวเอง  ถือเป็นคอนเซปต์ของเรื่องนี้เลย เรื่องก็ดำเนินไปโดยมีคริสที่ดูจะร่าเริง มองโลกในแง่บวก และยึดมั่นในรักแท้ จนบรรลุเป้าหมายของตัวเองได้
         สุดท้าย เรื่องจะบอกว่าคริสอาจจะไม่ใช่คนที่เข้มแข็งอย่างที่คนดูจะเข้าใจมาทั้งเรื่อง อาจจะมีหลอกตัวเองให้เข้มแข็งบ้าง อาจจะทิ้งเรื่องราวไปข้างหลังบ้าง และผลักความกดดัน ความรู้สึกผิดให้แอนนี่แบกรับ จนแอนนี่กลายเป็นคนซึมเศร้า มีอาการทางจิต และจบชีวิตในทางที่ไม่ควร แต่แล้วเขาก็ไม่ได้ทอดทิ้งรักแท้ของเขา ไม่ว่าจะต้องผ่านไปอีกกี่โลก(ชาติ)....

         ความเจ๋งอย่างแรกของเรื่องนี้ คือ คุณภาพCGในปี 1998 (ก็ได้รางวัล Best visual effect อ่ะนะ) ดูแล้วยังสวยอยู่เลย ถึงฉากอะคริลิคจะไหลๆไปหน่อย แต่ก็ดูเหมือนเดินในสีดี ดูแล้วอยากเอาหัวจุ่มทีวีมากๆ (ฮา)       สรุปคือปลื้มภาพมากกกก บ้านในฝันก็น่าอยู่สุดๆ แต่มันเหมือนจะต้องการโชว์ภาพโหดๆไปหน่อย เรื่องก็เลยเอื่อยๆ กว่าจะได้ไปหาเมียก็นานอยู่..... อ้อ มีลูกเล่นตรงเนื้อเรื่องนิดหน่อย คือตัวละครที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่สุดท้ายก็ค่อยๆเฉลยว่าเป็นคนใกล้ตัวนี่เอง

          การแสดงก็ดีอยู่แล้วแหล่ะ ดราม่าดี ที่เซ็งคือแผ่นที่ซื้อมาดันมีแต่พากย์ไทย เสียงเดิมๆ ก็ไม่แย่นะ แต่อยากได้ซาวแทรกซ์มากกว่า ._. 

          ...สรุปแล้วขอจัดเข้าหมวดหนังดีให้ข้อคิดละกัน เนื้อเรื่องไม่หนุกเวอร์ๆ แต่เป็นแฟนตาซีที่ดูเพลินๆ ก็ถ้ารู้สึกอยากดูอะไรดราม่านิดๆ ภาพอลังๆ มีเวลาว่างๆ ก็คงหยิบมาดูซ้ำได้แหล่ะ
          


ป.ล. เพลงเพราะดี (Beside you - Simply Red) https://www.youtube.com/watch?v=IfNgm3_hzLk

We follow the river down into the stream
That's where my dream began
I left my worries to the people who stare
And dreamed without a care

 That (yes) I'd always be beside you
To watch the day and night
And we listen to the sunrise
And feel it's growing light
And peace will come inside so quiet

Wherever we're going, I don't know
For a million years our love keeps growing
The mystery deepens, day by day
But trust my love, and hear me say

Peace will come inside so quiet

And peace will come inside....so quiet






วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2557

[ซีรีย์] ดำกำพร้า

หรือ Orphan Black (คิดไทยที่ดีกว่านี้ให้ไม่ออก)



แนวเรื่อง(ตามความเห็นส่วนตัว) : ซับซ้อน,เลือด,แอคชั่น,ไซไฟ,เด็กกำพร้า,คุณแม่บ้านจิต,นักวิทยาศาสตร์หมกมุ่น,หัวโล้นบ้าลัทธิ,นางเอก(จำนวน)เยอะจัง
จำนวนที่ดู : 10 episodes
ภาษา : อังกฤษ
สาเหตุ : เพื่อนแนะนำ


เนื้อเรื่อง 
      สาวพังค์หน้าตากวนตีน ซาราห์ แมนนิ่ง ชีวิตไม่ค่อยดี เธอหนีมาจากแฟนเถื่อน แล้วก็เจอผู้หญิงสาวที่เหมือนสาวออฟฟิศ วางเสื้อโค้ท วางกระเป๋า เธอหันมามองหน้าซาราห์แว่บหนึ่ง แล้วเธอก็ จั๊มป์ ! ไปหน้ารถไฟ จึงโดนทับตายสนิททันที ที่น่าตกใจพอๆกันคือนางที่กระโดดลงไปเมื่อกี๊ หน้าเหมือนซาราห์เป๊ะ !! หลังจากต่อสู้กับจิตใจตัวเองสักพัก ซาราห์ก็ตัดสินใจขโมยกระเป๋าของเธอที่จั๊มป์เมื่อครู่ พอตรวจดูบัตร ดูรายละเอียดต่างๆ ซาราห์ที่แกลบอยู่ก็ปล้นเงิน และตัดสินใจสวมรอยเป็น "เบธ ไชลด์" ซะเลย เย่ รวยแน่ 
      ซาราห์ปรึกษาเพื่อนเกย์คนสำคัญ เฟลิกซ์ ซึ่งอุตส่าห์เตือนแล้ว แต่คนอย่างซาราห์ฟังใครซะที่ไหนกัน ให้เฟลิกซ์ไปยืนยันศพเบธว่าเป็นศพเธอ ซาราห์เนียนเป็นเบธไปได้สักพัก โทรศัพท์ทั้งสองเครื่องก็มีสายเข้ารัวๆ จนกระทั่งคนที่ทำงานเบธมาตามตัวกลับ ซาราห์จึงรู้ว่างานเข้า เพราะเบธเป็นตำรวจ ! แต่เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องเล็กเมื่อเทียบกับหลังจากนี้ ที่มันสุดจะวุ่นวาย


เรื่องนี้ไม่อยากพิมพ์เนื้อเรื่องสปอยล์ เพราะมันจะหมดสนุกได้.....
ดังนั้นพาร์ทหลังจากนี้สปอยล์นิดหน่อย(มั้ง)


ชม
     ความสนุกของเรื่องคือการที่เราไม่รู้ว่าซาราห์จะเจออะไรอีก เบธเป็นใคร คนหน้าเหมือนจะมาในรูปไหน จริงๆแล้วเธอเป็นอะไรกันแน่ แต่ความกวนตีนและเล่ห์เหลี่ยมก็ทำให้เธอแถได้จนเกือบครบซีซั่น ตัวละครซาราห์เป็นตัวละครที่พัฒนาได้ไว ทั้งทางกายและใจ จากคนที่พร้อมจะหนีตลอดเวลา เป็นคนเข้มแข็งที่แม้จะมีคนนู้นคนนี้ตายต่อหน้า แต่ยังบังคับให้ชีวิตตัวเองดำเนินต่อไป หาความจริง และแก้ปัญหาให้คนอื่นๆ  ตัวเรื่องก็ซับซ้อนกำลังดี ตัวละครมีเรื่องราวชวนปวดหัวของตัวเอง แต่มันก็สัมพันธ์กันอย่างเนียนๆ ถึงท้ายๆพอเรื่องเริ่มเฉลยมันก็ชักจะเข้ากรอบไซไฟโคลนนิ่ง แต่การมีตัวละครซาราห์ก็เหมือนกับว่ากรอบนั้นจะถูกแหกเมื่อไหร่ก็ได้ ทำให้เราอยากติดตามต่อไป
     ...อันนี้ขอชาบูไททาเนีย(คนแสดง)บ้าง จากที่ไม่เคยพูดถึงนักแสดง 555 เรื่องนี้ทำให้รู้ว่าไททาเนียแต่งตัวแนวไหนก็สวย (ยกเว้นโปรโคลน)  แสดงเก่ง ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นคนแสดงหลายๆคนจริงๆ ทั้งวิธีการเดิน พูด กิน ยิ้ม อย่างเฮเลน่าที่ดูจิตกว่าคนอื่นชัดเจน และตอนที่ซาราห์ปลอมเป็นอลิสัน ถึงวิธีพูดจะคล้าย แต่ก็ยังเป็นซาราห์  และตอนตัดต่อก็เนียน (แหงสิ ไม่ใช่หนังไทย) การแต่งตัว เสื้อผ้าหน้าผมก็ต่างกันชัดเจน อันนี้ก็เป็นเสน่ห์อย่างนึงของเรื่องนี้เหมือนกัน


บ่น
   - บางช่วงมืด มองยาก บางอย่างที่เป็นส่วนหลักฐานก็ผ่านไปเร็ว หรือตั้งใจให้เราเห็นไม่ชัดก็ไม่ทราบ แต่เราเห็นว่ามันน่าจะทำให้เข้าใจตัวละครได้ลึกขึ้น ถ้าเห็นชัด
   - ฆ่าตัวละครไม่มีเหตุผล ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเชื่อมในซีซั่น 2 หรือเพื่อความฮา แต่ถ้าไม่มีเราว่าตัวละครอลิสันก็จะดูเถื่อนเกินไป บางซีนก็เลือดเกินไป ใส่มาทำไมไม่รู้ แต่ก็ยังไม่ถึงกับทำให้ชวนอ้วก
 

วิเคราะห์มั่วๆสไตล์เรา
   เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...ไม่ควรเกิดมาเป็นตัวโคลนนิ่ง มันทำให้ชีวิตดราม่าเกินความจำเป็น แต่สะดวกดีเวลาต้องการตัวเองในเวลาสองเวลาพร้อมกัน เอ้ย เอาใหม่
   คงจะต้องดูต่อซี 2 นะ ถึงจะเคลียร์ไอเดียหลักของเรื่อง ตอนนี้ที่ดูเหมือนเป็นชิ้นๆที่มองภาพออกคร่าวๆ แต่ก็ยังคาไว้อีกเยอะ ตกลงมันเป็นโปรเจคของใครกันแน่ ใครที่เชื่อใจได้บ้าง ?
.....ที่พอจะดูออกตอนนี้ว่าเรื่องจะบอกเราอย่าง เวลาเราทำอะไรพลาด มันจะสามารถย้อนกลับมาทำร้ายเราได้เสมอ ไม่ว่าจะโดนแบล็กเมล์ หรือจะเป็นโดนกระทำกลับ และเวลาในชีวิตมันสามารถหมดลงได้ทุกเมื่อ .....แล้วก็คงเป็นไอเดียที่ของโคลนนิ่ง ที่เป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่ ถ้าสมมติมันเกิดขึ้นได้จริง ไม่ว่าสุดท้ายจะเป็นตัวจริงหรือเปล่า แต่ทุกคนก็สมควรจะมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตของตัวเอง มีอิสระในการใช้ชีวิต เพียงแต่ว่าในเรื่องนี้ทุกคนจะได้อิสระจริงๆหรือไม่ต้องติดตามกันต่อไป


------------------------------------------------

ภาพ 8/10  หลอกตาเราสนุกดี ก็ไม่ถึงกับสวยเวอร์ ดีตามมาตรฐานซีรียส์

เสียง -/10 ไม่ให้คะแนนดีกว่า เพราะเราบิทมา รู้สึกว่าเสียงคนมันไม่คมเท่าไหร่ แต่เพลงประกอบก็หลอนๆดี แยกได้ง่ายว่ากำลังดำเนินเรื่องมาที่ใคร

เนื้อหา 9/10 ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ 5555 ตัวละครทุกตัวมีเหตุผลที่ต้องใส่เข้ามา มีความซับซ้อนของมันเอง ไม่มีตัวละครที่น่ารำคาญเกินความจำเป็น (หรือน่ารำคาญก็ไม่มีบทเยอะมาก) เนื้อเรื่องก็กระชับ 10 ตอนกำลังดี ตัดเข้าเรื่องของแต่ละโคลนได้สนุกดี ไม่มีเรื่องของคนไหนน่าเบื่อ มีปมผูกให้ติดตาม แต่ก็นั่นแหล่ะ ซีซั่น 1 อ่ะ บางอย่างมันดูไม่มีเหตุผลเท่าไหร่

สรุปนะ ไปดูซร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ชอบไม่ชอบไซไฟก็น่าลอง เหมือนดูซีรีย์หลายๆแนวพร้อมกันในเรื่องเดียว อิอิ

....
......และสิ่งสุดท้ายที่ซาราห์ฝากบอกผู้ดูเรื่องนี้

 "สมรรถภาพในการปรับตัว คือความสำเร็จในชีวิต"
          บังเอิญจริงๆ วันนี้มีดราม่าเกี่ยวกับโรงเรียนเราลงพันทิพย์ด้วย 5555




เจอกันเอนทรี่หน้า
: 3 






ป.ล.พอลจากเพอร์เฟคแมนกากๆจะหล่ออออออออออว์มากกกกกกกกกค่ะะะะะะะะะะะ //ไม่เกี่ยว